พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทางบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทางบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง

เส้นทางสู่อินเดีย

ความเดิมจากภาคแรก :: << อ่านภาคแรก >>

ด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่จะเดินทางสู่อินเดีย พระถังซัมจั๋งได้หลบหนีการจับกุมและเผชิญหน้ากับความท้าทายของทะเลทรายโกบีอันแห้งแล้ง ท่านเกือบเอาชีวิตไม่รอดในการเดินทางอันโดดเดี่ยวนี้ จนกระทั่งมาถึงแคว้นเกาชาง

ที่นี่ โชคชะตาพลิกผัน เมื่อท่านได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเจ้าผู้ครองแคว้น ส่งผลให้เส้นทางต่อจากนั้นไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ท่านได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ครองแคว้นต่างๆ ซึ่งเป็นมิตรสหายกับเจ้าผู้ครองแคว้นเกาชาง

แม้จะได้รับการสนับสนุน แต่การเดินทางก็ยังไม่ราบรื่นนัก ท่านและคณะต้องเผชิญกับความสูญเสียระหว่างการข้ามเทือกเขาเทียนซานอันโหดร้าย และพบเจอกับกองโจรต่างๆ

ในภาคสอง ยังคงเป็นการเดินทางที่ยังมีภยันอันตรายต่างๆ โดยจุดหมายปลายทาง คือ ประเทศอินเดีย

ตอนที่ 5 # เอเชียกลาง

ฤดูร้อนปี ค.ศ. 628 พระถังซัมจั๋ง และคณะเดินทางได้มาถึงทะเลสาบอือซึก-เกิล และเดินทางเลียบชายฝั่งจนถึงเมืองซูยับ ปัจจุบันคือ เมืองอัก บิชิม (Ak-Beshim) อยู่ห่างจากเมือง Tokmok ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 8 กม. ในหุบเขา Chui River ซึ่งเป็นประเทศคีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan) ในปัจจุบัน

เมืองอัก บิกซิม
ร่องรอยในอดีต – วัดพุทธ ในเมืองซูยับ ปัจจุบันเหลือวัดพุทธเหลืออยู่ 2 แห่ง ในเมืองอัก บิชิม (Ak-Beshim) ภาพจากสารคดี ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม ตอนที่ 3 ปีศาจหกตน

ในยุคที่ชาวเติร์กตะวันตกครองอำนาจเหนือเอเชียกลาง เยฮูข่านได้ต้อนรับพระถังซัมจั๋งอย่างสมเกียรติ ณ กระโจมใหญ่อันหรูหรา ภายในประดับด้วยดอกเงินดอกทองระยิบระยับ บรรดาขุนนางแต่งกายด้วยแพรยกดิ้นลวดลายงดงาม โดยมีทหารองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่เบื้องหลัง การต้อนรับอันอบอุ่นนี้ เป็นผลมาจากสานส์จากแคว้นเกาชา

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
พระถังซัมจั๋ง พบเยฮูข่าน และได้แสดงธรรมเทศนา ศีล 5 กุศลบท 10 และการบำเพ็ญบารมีเพื่อการหลุดพ้น


เยฮูข่านได้ส่งทูตหนุ่มผู้รู้ภาษาจีนร่วมเดินทางกับคณะของพระถังซัมจั๋ง พร้อมราชสาส์นเพื่อนำทางไปยังแคว้นกปิศา ระหว่างทาง คณะได้แวะพักในดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่เยฮูข่านมักเสด็จประพาสในฤดูร้อน พื้นที่กว้างใหญ่กว่า 100 กิโลเมตรนี้อุดมไปด้วยแหล่งน้ำและทะเลสาบมากมาย

พระถังซัมจั๋งและคณะผ่านทุ่งหญ้าสเตปป์ (Steppe) อันแห้งแล้งแต่ยังไม่ถึงกับเป็นทะเลทราย จนมาถึงเมืองเล็กๆ ที่มีชาวจีนอาศัยอยู่ ปัจจุบันคือเมืองจัมบีล (Jambyl) ในคาซัคสถาน โดยมีเมืองทาราซ (Talas/Taraz) เป็นศูนย์กลางการปกครอง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาซัคสถานติดพรมแดนคีร์กีซสถาน

คณะเดินทางต่อไปยังทาชเคนต์ (Tashkent) เมืองหลวงของอุซเบกิสถานในปัจจุบัน จากนั้นต้องฝ่าทะเลทรายอีกครั้งเป็นระยะทาง 250 กิโลเมตร ก่อนจะถึงเมืองซามาร์คันด์ (Samarkand) ซึ่งปัจจุบันก็เป็นส่วนหนึ่งของอุซเบกิสถานเช่นกัน

ทะเลทราย
การเดินทางในทะเลทรายแถบประเทศอุซเบกิสถาน แทบจะมองไม่เห็นทางเพราะทรายปลิวในอากาศ
ซามาร์คันด์ เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในเอเชียกลาง ตั้งอยู่ในประเทศอุซเบกิสถาน  เมืองซามาร์คันด์แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคกลาง และในปีพ.ศ. 1758 (ค.ศ. 1215) เจงกิสข่านแผ่อาณาจักรเข้าควบคุมเส้นทางสายไหม แล้วได้ยึดซามาร์คันด์ในปีพ.ศ. 1764 (ค.ศ. 1221) อีก 100 ปีต่อมา เมืองนี้ก็เหลือแต่ซาก (ที่มา วิกิพีเดีย)
พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
กษัตริย์และชาวเมืองนี้ไม่นับถือพระพุทธเจ้า พวกเขานับถือศาสนาบูชาไฟ ในเมืองมีวัด 2 แห่ง แต่ไม่มีพระสงฆ์อยู่ประจำ ลูกศิษย์ของท่าน 2 รูป ถูกชาวบ้านจุดไฟไล่เผา เจ้าผู้ครองแคว้นก็ไม่ค่อยให้การต้อนรับ แต่เมื่อพระถังซัมจั๋งได้เพียรอธิบายเรื่องบาป บุญ คุณโทษ สุดท้ายก็ทำให้เจ้าผู้ครองแคว้นชื่นชม สรรเสริญท่าน

หลังจากออกจาก ซามาร์คันด์ พระถังซัมจั๋งได้เดินทางมาถึง Kosala ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งของ Kosala ปัจจุบันคือ Shahrisabz ประเทศอุซเบกิสถาน

เมือง Shahrisabz แปลว่า “เมืองสีเขียว” อยู่ห่างจากซามาร์คานด์ไปทางใต้ประมาณ 80 กม และถือเป็นบ้านเกิดของ ติมูร์ ซึ่งเป็นข่านผู้ยิ่งใหญ่ของพวกมองโกลในเวลาต่อมา

คณะเดินทางมุ่งหน้าสู่เส้นทางภูเขาอันน่าหวาดหวั่น ช่องเขาแคบเพียงให้คนเดียวผ่านได้ ทอดยาวราว 150 กิโลเมตร ปราศจากหญ้าและน้ำ จนกระทั่งถึงด่านประตูเหล็ก ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างหุบเขา

เหนือประตูแขวนลูกพรวนเหล็กหล่อมากมาย จนได้ชื่อว่า ‘ช่องภูเขาประตูเหล็ก’ เป็นด่านชายแดนอันแข็งแกร่งของชาวเติร์ก

ด่านประตูเหล็ก
Iron gate (รูปจาก : wiki)

ตอนที่ 6 # มุ่งสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ประเทศอินเดีย

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
การเดินทางในช่วงฤดูร้อน บางเส้นทางต้องเผชิญต่อความยากลำบาก ด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง 40 องศา ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

หลังผ่านด่านประตูเหล็ก คณะเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นตุขารา ข้ามแม่น้ำอามุรทริยา ก่อนจะถึงแคว้นกุนดุช (Kunduz)ดะตุเซะ (เซะ เป็นชื่อบรรดาศักดิ์) ซึ่งอภิเษกกับน้องสาวเจ้าครองแคว้นเกาชาง เมื่อพระถังซัมจั๋งเดินทางมาถึง นางก็ได้ล้มป่วยเสียชีวิตก่อน ดะตุก็ประชวรอยู่ และต่อมาถูกพระชาองค์ใหม่วางยาพิษสิ้นพระชนม์ พระถังซัมจั๋งจำต้องพำนักอยู่เดือนเศษเพื่อร่วมพิธีพระศพ

โอรสองค์โตของเยฮูข่าน นามว่า ดะตุเซะ (เซะ เป็นชื่อบรรดาศักดิ์) ซึ่งอภิเษกกับน้องสาวเจ้าครองแคว้นเกาชาง เมื่อพระถังซัมจั๋งเดินทางมาถึง นางก็ได้ล้มป่วยเสียชีวิตก่อน ดะตุก็ประชวรอยู่ และต่อมาถูกพระชาองค์ใหม่วางยาพิษสิ้นพระชนม์ พระถังซัมจั๋งจำต้องพำนักอยู่เดือนเศษเพื่อร่วมพิธีพระศพ

เมื่อตะเชองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พระถังซัมจั๋งได้รับคำแนะนำให้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองพัลข์ (Balkh) ปัจจุบัน คือ ประเทศ อัฟกานิสถาน ที่นี่มีวัดนวสังฆารามอันงดงามตระการตา เป็นที่พำนักของพระสงฆ์นิกายหินยานกว่า 3,000 รูป พระถังซัมจั๋งได้พบกับภิกษุปรัชญากร ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกฝ่ายหินยาน จึงอยู่ศึกษาคัมภีร์และศาสตร์ต่างๆ อีกเดือนเศษ

จากนั้น คณะมุ่งหน้าสู่แคว้นพามิยาน ปัจจุบันคือ ประเทศอัฟกานิสถาน ที่นี่ พระถังซัมจั๋งต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การเดินทางผ่านเทือกเขาฮินดูกูช (Hindu Kush) ส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ พายุหิมะโหมกระหน่ำไม่หยุด ยอดเขาสูงชัน ดังคำประพันธ์โบราณของจีนที่ว่า

เขาน้ำแข็งแลหลั่นชันละลิ่ว หิมะปลิวป่วนปั่นตั้งพันลี้

คำประพันธ์ของกวีโบราณของจีน
Hindu kush mountain เป็นเทือกเขาที่มีความยาว 800 กิโลเมตร (500 ไมล์) ที่ทอดยาวผ่านอัฟกานิสถาน จากศูนย์กลางไปยังปากีสถานตอนเหนือและสู่ทาจิกิสถาน
พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง

แคว้นพามิยานตั้งอยู่ในหุบเขา มีวัดวาอารามมากกว่า 10 แห่ง และเป็นที่พำนักของพระสงฆ์นับพันรูป พระถังซัมจั๋งพักที่นี่ราว 15 วัน ก่อนออกเดินทางต่อ แต่เพียงสองวันให้หลัง พายุหิมะก็พัดพาคณะให้หลงทางสู่เนินทรายเล็กๆ โชคดีที่พบพรานป่าผู้ชี้ทางข้ามทิวเขาเฮ็กซัว หรือทิวเขาดำ

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
“I lost my sense of the direction the storms”

คณะเดินทางมาถึงแคว้นกปิศา (Kapisi) ( ห่างจากคาบูล (Kabul) ไปทางเหนือราว 60 กิโลเมตร) ที่นี่มีอารามกว่า 100 แห่ง และพระสงฆ์นิกายมหายานนับพันรูป เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรคันธาระอันเก่าแก่ พระถังซัมจั๋งได้ร่วมงานชุมนุมปาฐกถาธรรม

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
วิสัชนาธรรม 5 วัน ที่แคว้นกปิศา
คาบูล เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของประเทศอัฟกานิสถาน

พระถังซัมจั๋งเดินทางถึงเมืองลัมเพ (ปัจจุบันคือ Jalalabad) และไปนมัสการถ้ำพระฉาย (Shadow Caves) พร้อมศิษย์สองรูป ท่านสวดมนต์นับร้อยจบจนเกิดแสงสว่างจ้า ปรากฏเงาขนาดใหญ่บนผนังถ้ำ สร้างความปีติยินดีแก่ท่านอย่างล้นพ้น

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
Shadow caves

ปี ค.ศ. 628 คณะเดินทางมาถึงแคว้นคันธาระ ริมฝั่งแม่น้ำสินธุ ในช่วงฤดูแล้ง นครหลวงปุรุษปุระ (ปัจจุบันคือเมืองเปชาวาร์ ประเทศปากีสถาน) เป็นแหล่งรวมพระพุทธรูปศิลปะคันธาระ พิพิธภัณฑ์ และแหล่งโบราณคดีทางพุทธศาสนา ท่านได้เยี่ยมชมสถูปหลายแห่ง รวมถึงสถูปของพระเจ้ากนิษกะที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

จากนั้น ท่านเดินทางสู่แคว้นอุทกขัณฑะ อดีตดินแดนที่เคยรุ่งเรืองด้วยอารามกว่า 1,400 แห่ง และพระสงฆ์ 18,000

เส้นทางที่พระถังซัมจั๋งเดินทาง จนถึงตอนนี้ได้แก่ พรมแดนของประเทศ คีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan) -> คาซัคสถาน (Kazakhstan) -> อุซเบกิสถาน (Uzbekistan) -> อัฟกานิสถาน Afghanistan -> ปากีสถาน Pakistan
พระถังซัมจั๋ง

ท่านได้มุ่งหน้าไปยัง แคว้นตักศิลา ประเทศปากีสถาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงอิสลามาบาด  ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ตักศิลาที่เก็บรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์และศิลปะคันธาระไว้มากมาย

จากนั้นเดินทางไปยังเมือง แคชเมียร์ ที่นี่มีอารามกว่า 100 แห่ง พระสงฆ์ราว 5,000 รูป และสถูปที่พระเจ้าอโศกทรงสร้างไว้ พระถังซัมจั๋งพำนักที่นี่เกือบ 2 ปี ศึกษาพระสูตรและคัมภีร์ รวมถึงนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

สิงหาคม ค.ศ. 629 ระหว่างเดินทางในป่า คณะถูกโจร 50 คนดักปล้น แต่โชคดีที่หนีรอดไปได้ทางโพรงใต้ลำธารเก่า แม้เผชิญเคราะห์ร้าย แต่ชื่อเสียงของท่านที่เลื่องลือไปทั่วในช่วงที่อยู่ที่แคชเมียร์ก็นำมาซึ่งเรื่องดีๆ มีคหบดีกว่า 300 คนนำเครื่องบริโภคมาถวาย

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
ที่แคว้นจีนภูกติ Cinabhukti ที่นี่มีคนจีนอาศัยอยู่ ท่านได้พบกับภิกษุสงฆ์ผู้หนึ่งรูปหนึ่งที่มีความรู้ช่ำชองในพระไตรปิฏก ท่านอยู่ศึกษาศาสตร์ต่างๆ เป็นเวลา 6 เดือน

ปี ค.ศ. 631 พระถังซัมจั๋ง เดินทางมาถึงต้นแม่น้ำคงคา นับเป็นเวลา 4 ปี หลังจากที่เดินทางจากประเทศจีน น้ำในแม่น้ำมีรสจืดสนิท และมีทรายเม็ดเล็กไหลตามกระแสน้ำ มีความเชื่อของศาสนาฮินดูว่า แม่น้ำคงคาสามารถชำระบาปได้ ปัจจุบันคนอินเดียพึ่งพาอาศัยแม่น้ำคงคา ตั้งแต่เกิดจนกะทั่งตาย

ตอนที่ 7 # Gone with the wind – เลือนหายไปกับสายลมแห่งกาลเวลา

จากแม่น้ำคงคา พระถังซัมจั๋งเดินทางผ่านหลายสถานที่ รวมถึงแคว้นกันยากุพชะ (Kanauji) ที่มีอาราม 100 แห่งและพระสงฆ์กว่า 10,000 รูปจากทั้งนิกายมหายานและเถรวาท ท่านศึกษาตำราเถรวาทที่นี่ประมาณ 3 เดือน ก่อนออกเดินทางสู่แคว้นอโยมุข

ขณะล่องเรือในแม่น้ำ ทันใดนั้น เรือของพวกโจรแล่นเข้ามาโจมตี พวกโจรไม่ได้ต้องการแค่ของมีค่า แต่ต้องการคนที่มีรูปร่างงดงามเพื่อนำมาบูชายัญ พวกโจรเล็งเห็นว่าพระถังซัมจั๋งเหมาะสม แม้ท่านจะพยายามอธิบาย โจรก็ไม่ฟัง พวกโจรนำท่านขึ้นแท่นบูชาและเตรียมประหาร ท่านไม่แสดงอาการกลัวหรือดิ้นรน ท่านยอมรับชะตากรรมอย่างสงบ นั่งสมาธิ และสวดมนต์ถึงพระโพธิสัตว์บนแท่นบูชา

ทันใดนั้น เกิดพายุรุนแรงจากทั้งสี่ทิศ ต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม ฟ้าคำรามและฟ้าผ่า แม้แต่เรือของโจรก็ถูกซัดจนคว่ำ ผู้ร่วมเดินทางบอกโจรว่าเทพเจ้าพิโรธแล้ว พวกโจรรู้สึกกลัว แต่พระถังซัมจั๋งยังคงอยู่ในภวังค์ ไม่รู้สึกถึงความวุ่นวายรอบตัว เมื่อหัวหน้าโจรแตะตัวท่าน ท่านลืมตาถามว่า “ถึงเวลาบวงสรวงหรือยัง” โจรสำนึกผิด และขอขมา

พระถังซัมจั๋ง
พระถังซัมจั๋งเข้าสู่สภาวะฌานบนแท่นบูชายัญ

พระถังซัมจั๋งเดินทางข้ามแม่น้ำคงคา ต่อไปยังแคว้นอโยมุข โกสัมพี และสาวัตถี ซึ่งมีอารามและภิกษุสงฆ์จำนวนมาก ท่านได้เห็นหลุมที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ

ลุมพินี
ลุมพินี ประเทศเนปาล – สถานที่ประสูติ ภาพจากรายการ พื้นที่ชีวิต ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม ตอนที่ 4 พระพุทธองค์
ลุมพินี
สภาพความเป็นอยู่ปัจจุบันของชาวบ้านบริเวณ ภาพจากรายการ พื้นที่ชีวิต ตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม ตอนที่ 4 พระพุทธองค์

ท่านเดินทางจนถึงเมืองกุสินาราซึ่งกลายเป็นที่รกร้าง เดินทางไปยังแคว้นพาราณสี (Varanasi) อารามมฤคทายวัน เมืองเวลาสี (Vaishali) เมืองเศวตปุระ แคว้นมคธ จากนั้นไปยังพุทธคยา (Mahabodhi Temple) สักการะ พระมหาโพธิเจดีย์  อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
ท่านได้มานมัสการ ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ด้วยความเศร้าสลดใจ เนื่องจากตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ไม่รู้ว่าตนเองอยู่แห่งหนใด เพิ่งจะมาถึงที่นี่ ก็ได้แต่เห็นพระปฏิมาของพระองค์ เมื่อคิดว่าเป็นบาปกรรมของตนก็ยิ่งสลดใจจนน้ำตาไหล

พระอานนท์ทูลว่า “พระองค์ผู้เจริญ เมื่อก่อนนี้ออกพรรษาแล้ว ภิกษุทั้งหลายต่างพากันเดินทางมาจากทิศานุทิศเพื่อเฝ้าพระองค์ฟังโอวาทจากพระองค์บัดนี้พระองค์จะปรินิพพานเสียแล้ว ภิกษุทั้งหลายจะพึงไป ณ ที่ใด?”
“อานนท์สถานที่อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงเราก็มีอยู่ คือสถานที่ที่เราประสูติแล้ว คือลุมพินีวันสถาน สถานที่ที่เราตั้งอาณาจักรแห่งธรรมขึ้นเป็นครั้งแรก คือ อิสิปตนมิคทายะ แขวงเมืองพาราณสี สถานที่ที่เราตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ บรรลุความรู้อันประเสริฐทำกิเลสให้สิ้นไป คือโพธิมณฑล ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม และสถานที่ที่เราจะนิพพาน ณ บัดนี้คือป่าไม้สาละ ณ นครกุสินารา อานนท์เอย สถานที่ทั้ง ๔ แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถาน สาราณียสถานสำหรับให้ระลึกถึงเราและเดินตามรอยบาทแห่งเรา”

ตอนที่ 8 # ศึกษาพระคัมภีร์ที่อินเดีย

ในปี ค.ศ. 631 พระถังซัมจั๋งเดินทางมาถึงอารามนาลันทา โดยมีพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสจำนวนมากมาต้อนรับ ท่านได้แสดงความเคารพต่อพระอาจารย์ศีลภัทร์ เจ้าอาวาส ซึ่งเล่าถึงนิมิตที่ทำนายการมาเยือนของท่าน และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นิมิตอันใดที่ทำให้ท่านศีลภัทร์ถึงกับตั้งหน้าตั้งตารอพระถังซัมจั๋ง อ่านในเรื่อง อัตวินิบาตกรรม

พระถังซัมจั๋ง ถึงอารามนาลันทา

อารามนาลันทาเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ มีภิกษุสงฆ์นับหมื่นรูปที่มีความรู้ในพระสูตรต่างๆ โดยมีประมาณ 1,000 รูปที่รู้ 30 หมวด 500 รูปที่รู้ 50 หมวด และมีเพียง 10 รูป รวมทั้งพระถังซัมจั๋ง ที่รู้ครบทั้ง 50 หมวด มีเพียงพระอาจารย์ศีลภัทร์เท่านั้นที่มีความรู้ครบถ้วนทั้งหมด ท่านจึงเป็นประมุขแห่งสงฆ์ทั้งปวง

อารามนาลันทา
อารามนาลันทา แปลว่า อารามที่ไม่เบื่อในการให้ทาน พระราชาทรงโปรดให้หัวเมืองต่างๆ จัดส่งเครื่องบริโภคบริโภค ทะนุบำรุงอาราม ซึ่งทำให้สงฆ์ไม่ต้องกังวลเรื่องจตุปัจจัย ทำให้การศึกษาที่นี่ได้รรับการส่งเสริมอย่างดียิ่ง

ที่นาลันทา การศึกษาและปฏิบัติสืบทอดกันมากว่า 700 ปี โดยไม่เคยมีผู้ใดถูกกล่าวหาว่าละเมิดศีลธรรม พระถังซัมจั๋งได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับของถวายประจำวัน ได้แก่ผลไม้ 120 ผล ถั่ว 20 ข้าวสาลี และอื่นๆ มีผู้รับใช้ 2 คน และพาหนะ คือ ช้าง ซึ่งมีภิกษุสงฆ์เพียง 10 รูปเท่านั้นที่ได้รับการต้อนรับเช่นนี้

พระถังซัมจั๋ง
ท่านได้ฟังเทศนาโยคาจารภูมิศาตร์ 3 จบ และศาสตร์อื่นๆ และภาษาสันกฤต ขณะที่พักอยู่ที่นาลันทาเป็นเวลา 5 ปี

หลังจากศึกษาที่นาลันทาเป็นเวลา 5 ปี ท่านเดินทางไปทั่วอินเดียและศรีลังกาอีก 3 ปี ก่อนกลับมาที่นาลันทาในปี ค.ศ. 640 รวมเวลา 14 ปีนับจากออกเดินทางจากจีน

พระถังซัมจั๋ง – ประวัติ บันทึกการเดินทาง และตามรอยพระถังซัมจั๋งบนเส้นทางสายไหม # ภาคสอง
ท่านได้เข้าร่วมการโต้ปัญหาธรรม ในเรื่องที่ขัดแย้งต่างๆ ในความเห็นต่างของแต่ละลัทธิ

ในระหว่างที่ท่านเดินทางท่องเที่ยวในอินเดีย ในหนังสือบันทึกพระถังซัมจั๋ง เขียนไว้ว่า

คืนวันหนึ่งฝันไปว่า ที่อารามนาลันทานั้น ตามห้องหอรกร้างรุงรังทั่วไป มีแต่กระบือผูกไว้ ไม่มีพระภิกษุสงฆ์เหลืออยู่เลย ในฝันว่าได้เดินเข้าไปทางหอพระราชาพาลาทิตย์ ประตูด้านตะวันตก เห็นบนหอชั้นที่ 4 มีท่านผู้หนึ่ง วรรณเป็นทองคำเรืองอร่ามเปล่งแสงสว่างทั่วบริเวณห้อง ในใจรู้สึกยินดี อยากขึ้นไปบ้าง ก็ขึ้นไม่ได้ จึงขอร้องให้ท่านผู้นั้นพาตนขึ้นไป แต่ท่านผู้นั้นตอบว่า

“เราคือ มัญชุศรีโพธิสัตว์ ตัวท่านยังไม่หมดเวรกรรม จึงขึ้นมาไม่ได้” แล้วชี้ออกไปทางนอกอารามแล้วกล่าวว่า “ท่านเห็นไหม” ท่านอาจารย์หันมองไปตามที่ชี้ ก็แลเห็นภายนอกอารามกำลังเกิดเพลิงลุกลามเผาผลาญบ้านเมืองพินาศลงเป็นเถ้าถ่านไปสิ้น แล้วพระโพธิสัตว์องค์นั้นจึงกล่าวต่อไปว่า “ท่านควรรีบกลับจากประเทศนี้เสียโดยเร็ว อีก 10 ปี ข้างหน้า พระราชาศีลาทิตย์จะสิ้นพระชนม์ ในอินเดียจะเกิดจราจลรบฆ่าฟันกันเป็นทุรยุค ท่านจงทราบไว้เถิด”

อ่านต่อ ตอนถัดไป